ปกป้องธุรกิจ SME ของคุณจากเหตุไม่คาดคิด ด้วยประกันภัยที่คุ้มครองทั้งทรัพย์สิน รายได้ และความรับผิดต่อบุคคลภายนอก

ประกันภัยสำหรับธุรกิจ SME: เกราะป้องกันความเสี่ยงของทุกกิจการ

การทำประกันภัย SME เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและปกป้องการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการความ มั่นคง ด้วยทุนประกันภัยที่สามารถรองรับความเสียหายขนาดใหญ่ได้ เริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้าน ถึง 50 ล้านบาท

คุณสมบัติหลักที่ทำให้คุณ "อุ่นใจ"

กรมธรรม์ประกันภัยสำหรับธุรกิจ SME ออกแบบมาเพื่อมอบความ อุ่นใจ ให้แก่เจ้าของกิจการ ด้วยความคุ้มครองที่ ครบวงจร ครอบคลุมความเสี่ยงหลักของทรัพย์สิน ภัยธรรมชาติ ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และการหยุดชะงักของธุรกิจ ช่วยให้คุณรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการโจรกรรม

ธุรกิจที่เหมาะกับการทำประกันภัย SME และการแบ่งกลุ่มความเสี่ยง

ประกันภัย SME ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจตามลักษณะความเสี่ยงหลัก เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ "ตรงใจ" และเหมาะสมกับกิจการของคุณที่สุด

1. กลุ่ม A: ธุรกิจสำนักงาน, บริการ, ที่พักอาศัย, สุขภาพ/ความงาม, สถานศึกษา

กลุ่มนี้เน้นการให้บริการลูกค้าและใช้พื้นที่เป็นหลัก จึงมีความเสี่ยงสูงด้าน ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก และการคุ้มครองทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการบริการ

• สำนักงานและองค์กร: เช่น สำนักงานทั่วไป, สมาคม, มูลนิธิ, วัด, โบสถ์ ความคุ้มครองจะเน้นไปที่ทรัพย์สินภายในสำนักงานและความรับผิดต่อผู้มาติดต่อ
• ที่พักอาศัย: เช่น โรงแรม, รีสอร์ต, เกสต์เฮาส์, หอพัก, อะพาร์ตเมนต์ ความเสี่ยงหลักคือความรับผิดต่อแขกที่มาพัก (บาดเจ็บ/ทรัพย์สินเสียหาย) และภัยอัคคีภัย
• สุขภาพและความงาม: เช่น คลินิก (ทั่วไป, ทันตแพทย์, สัตวแพทย์), ร้านเสริมสวย, สปา, ฟิตเนส ความคุ้มครองจำเป็นต่อความเสียหายต่อเครื่องมือแพทย์/อุปกรณ์ และความรับผิดที่เกิดอุบัติเหตเกิดภายในสถานที่เอาประกันภัย
• การศึกษาและดูแล: เช่น โรงเรียน, สถาบันกวดวิชา, สถานรับเลี้ยงเด็ก, สถานบริบาลผู้สูงอายุ ความคุ้มครองจะครอบคลุมความรับผิดต่อผู้เรียน/ผู้ดูแลเป็นหลัก

2. กลุ่ม B: ธุรกิจร้านค้า, ร้านอาหาร, ธุรกิจบริการเฉพาะทาง

กลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการค้าปลีก การจัดการสินค้าคงคลัง และการรับเงินสด จึงมีความเสี่ยงสูงด้าน ภัยโจรกรรม/ปล้นทรัพย์ และ การหยุดชะงักของรายได้

• ร้านอาหารและเครื่องดื่ม: เช่น ร้านอาหาร, ภัตตาคาร, ร้านกาแฟ, ร้านเบเกอรี่ ความเสี่ยงสำคัญคือภัยจากอัคคีภัยในครัว, ภัยโจรกรรม, และความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ (อาหารเป็นพิษ)
• ร้านค้าและค้าปลีก: เช่น ร้านค้าทั่วไป, ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า, ร้านซักรีด ความคุ้มครองจะเน้นการป้องกันภัยโจรกรรมต่อสต็อกสินค้า และความเสียหายต่ออุปกรณ์บริการเฉพาะทาง
• บริการยานยนต์และอื่น ๆ: เช่น อู่ซ่อมรถยนต์/โชว์รูม (ไม่มีการพ่นสี), ร้านคาร์แคร์, ร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้า รวมถึงโรงรับจำนำ ความเสี่ยงคือความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้าที่นำมาใช้บริการ และภัยโจรกรรม

3. กลุ่ม C: โรงงานผลิตและอุตสาหกรรมขนาดย่อม

กลุ่มนี้เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทรัพย์สินประเภท เครื่องจักร สูง และเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตเฉพาะทาง ทำให้มีความเสี่ยงสูงด้าน ความเสียหายต่อเครื่องจักร และมูลค่าของวัตถุดิบ/สินค้าคงคลัง

• โรงงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม: เช่น โรงงานผลิตลูกชิ้น, เต้าหู้, น้ำปลา, โรงงานทำขนมปัง, โรงงานน้ำแข็ง ความคุ้มครองสำคัญคือความเสียหายต่อเครื่องจักรในสายการผลิต
• โรงงานอุตสาหกรรมเบา: เช่น โรงงานทำสบู่, ยาสีฟัน, เครื่องสำอาง, โรงงานทำเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า, โรงกลึง ความเสี่ยงคือภัยอัคคีภัย/ระเบิด และความเสียหายต่อเครื่องมือเฉพาะทาง
• ห้องเย็นและอื่น ๆ: เช่น ห้องเย็น (ไม่มีการผลิต) หรือโรงงานประกอบต่างๆ ความเสี่ยงหลักคือความเสียหายต่อทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและผลกระทบต่อกระบวนการผลิต